ซิลิโคนคางเกาหลี VS ซิลิโคนคาง USA ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี?

ซิลิโคนคางเกาหลี VS ซิลิโคนคาง USA เป็นที่สงสัยของคนไข้หลายๆ ท่านว่าทั้ง 2 แบบนี้ต่างกันอย่างไร ก่อนที่เราจะไป เสริมคาง กัน อีกหนึ่งสิ่งที่เราจะต้องหาความรู้สำคัญเลยก็คือ เราจะเสริมโดยใช้ซิลิโคนของอะไร ปลอดภัยหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น ซิลิโคนจากเกาหลี ซิลิโคนจากอเมริกา หรือซิลิโคนจากญี่ปุ่น ไหนจะมีซิลิโคนแบบใส ซิลิโคนแบบขุ่น รวมไปถึงซิลิโคนสีเนื้ออีกด้วย แล้วมันต่างกันยังไง? ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันครับ

การเสริมคางด้วย “ซิลิโคน”

การเสริมคางอาจทำได้โดยการผ่าตัดเสริมซิลิโคนเข้าไปบริเวณคาง หรือการฉีดคางด้วยสารเติมเต็มหรือใช้ไขมันตัวเองซึ่งอยู่ได้ 2-3 ปี หรือบางรายอาจต้องฉีดซ้ำทุกปี ในขณะที่การผ่าตัดเสริมซิลิโคนสามารถอยู่ได้นานกว่าการฉีดสารเติมเต็มหรือไขมัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เทคนิคการผ่าตัด การดูแลหลังทำ และร่างกายของแต่ละบุคคล

ซิลิโคนที่ใช้เสริมคางแต่ละเกรดต่างกันอย่างไร?

ซิลิโคนที่ใช้เสริมคางต้องเป็นชนิดที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ (Medical grade) โดยสามารถแบ่งเพื่อให้เข้าใจง่ายได้ดังนี้

• ซิลิโคนเกาหลี (Korea)

ซิลิโคนเกาหลีมีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างนิ่ม ซึ่งเมื่อเสริมแล้วอาจให้ลักษณะดูใกล้เคียงธรรมชาติ ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับโครงสร้างคางเดิมและการประเมินของแพทย์ด้วยครับ

• ซิลิโคนอเมริกา (USA)

เป็นซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ เนื้อไม่นิ่มมาก เสริมแล้วเห็นทรงชัดเจนมีความนิ่มระดับพอดี นอกจากนี้ ซิลิโคนอเมริกายังมีคุณสมบัติยืดหยุ่นและสามารถเหลาเข้ารูปได้ ซึ่งแพทย์บางท่านเลือกใช้เพื่อปรับให้เข้ากับโครงหน้าของผู้รับการรักษา ทั้งนี้การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์อีกเช่นกันครับ

• ซิลิโคนเกรดสำเร็จรูป

เนื้อซิลิโคนมีความนิ่มน้อย แข็งอยู่ทรง เนื้อซิลิโคนเป็นรูปร่าง สำเร็จ เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมคางให้ดูเรียวยาว มีข้อจำกัดในการใช้มากกว่าซิลิโคน

ข้อควรรู้

• เทคนิคการผ่าตัดเปิดแผลภายในปาก จะไม่เห็นแผลเป็นที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัด แต่ต้องระวังการติดเชื้อของแผลภายในปาก ในขณะที่การผ่าตัดภายนอกทำได้ง่ายกว่า แต่อาจเกิดแผลเป็นถ้าดูแลรักษาแผลไม่ดี
• แพทย์จะเลือกใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบใด ขึ้นกับลักษณะปัญหาและโครงสร้างเดิมของคาง

ทรงคางที่นิยม มีอะไรบ้าง?

1. คางทรงวีมน

ทรงคางลักษณะนี้มักถูกเลือกโดยผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูสมส่วนหรือลดความแข็งของใบหน้า ลดความแข็งของใบหน้าลง เหมาะกับผู้หญิง ,คนที่มีแก้ม หรือโหนกแก้ม  เพราะทรงนี้จะช่วยให้ปลายคางเฉียงลงมา 45 องศา ไม่แหลมมากจนเกินไป แต่ทั้งนี้ก็ควรให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมก่อนนะครับ

2. คางทรงปลายวีเชฟ

ช่วยยืดกรอบหน้าให้ดูสมส่วน เพิ่มความยาวของใบหน้าให้ดูเล็กเรียว ทำให้ใบหน้าดูมีสไตล์เปรี้ยว เฉี่ยว มั่นใจในตัวเอง เหมาะกับคนที่กรามไม่ชัด ใบหน้าเล็ก

ทำไมต้องทำคางกับ “หมอกัน”

เชื่อว่าหลายๆคนที่อยากจะศัลยกรรมคางหรือ เสริมคาง ก็อยากจะได้ทรงคางที่ ดูเรียว เป็นธรรมชาติ ซึ่งหากอยากรู้ว่า? โครงหน้าของคนไข้เหมาะกับทรงคางแบบไหน เหมาะกับ ซิลิโคนคาง เกรดใด แนะนำให้เข้ารับการปรึกษาจากคุณหมอก่อนตัดสินใจเสริมคางจะดีที่สุด ดังนั้น หากคนไข้ท่านใดที่มีข้อสงสัยอยากปรึกษาหมอ ก็สามารถทักเข้าตามช่องทางต่างๆ หรือแวะเข้ามาที่คลินิคของเราได้ครับ ที่คลินิคของหมอนั้นมีบริการเสริมคางหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ และ แบบซิลิโคน ที่ถูกจัดให้รูปร่างเหมาะกับคางของไข้แต่ละท่านโดยเฉพาะอีกด้วย 

YKJ Medical Clinic ให้บริการด้านเวชกรรมเพื่อเสริมสร้างความงาม

โดย นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ (คุณหมอกัน) เลขที่ใบอนุญาต ว.27560

คลิกจองคิวหรือปรึกษา

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เสริมคาง แผลใน – แผลนอก ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่า?

มาดูกัน! ฉีดคาง-เสริมคาง ต่างกันอย่างไร?

เสริมคาง ซิลิโคน ดีมั้ย ต้องเลือกซิลิโคนแบบไหนดี?