อาหารที่ช่วยลดบวมช้ำ หลังจากที่เราได้ทำศัลยกรรมบนใบหน้าของเราจะเกิดอาการบวมและอาจเกิดการอักเสบบ้าง อาหารที่ได้รับความนิยมมากๆก็คือ น้ำฟักทอง (Pumpkin Juice), ซุปฟักทอง (Pumpkin Soup), โจ๊กฟักทอง (Pumpkin Porridge) หรืออาหารที่มีส่วนผสมของฟักทองนั่นเอง ฟักทองมีวิตามิน A ปริมาณมากจึงช่วยขจัดสิ่งสกปรก ต่อต้านการติดเชื้อและช่วยลดอาการบวมได้เป็นอย่างดีครับ
ฟักทอง ยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอีกด้วย เพราะฟักทองมีกากใยที่สูงมาก มีแคลอรี่และไขมันน้อย จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความอ้วนและควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพียงแค่รับประทานฟักทองหนึ่งถ้วยหรือ 3 กรัมจะทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น
ประโยชน์ของฟักทองลดบวมช้ำ หลังศัลยกรรม
ฟักทองมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการชะลอวัยความแก่ชราช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพผิว ให้เปล่งปลั่งสดใส และช่วยปกป้องผิวไม่ให้เหี่ยวย่นประโยชน์ฟักทอง ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายน้ำมันจากเมล็ดฟักทอง มีส่วนช่วยบำรุงประสาท เมล็ดฟักทองช่วยทำให้อารมณ์ดี เพราะมีสารที่ช่วยในการสร้าง Serotinin ซึ่งมีผลต่ออารมณ์มีฤทธิ์ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรืออยากลดความอ้วน เพราะมีไขมันน้อยกากใยสูงฟักทองมีกรดโปรไพโอนิคซึ่งมีส่วนทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง มีส่วนช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยบริเวณข้อเข่า บั้นเอว มีส่วนช่วยป้องกันโรคผิวหนัง เปลือกฟักทองมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายหลังจากร่างกายทำงานอย่างหนัก และทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รากฟักทองนำมาต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ
ฟักทองจัดว่ามีกากใยอาหารสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการขับถ่าย ฟักทองมีฤทธิ์อุ่นซึ่งจะช่วยย่อยอาหารได้เป็นอย่างดีช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ สรรพคุณของฟักทอง มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะสรรพคุณฟักทอง ช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่ว ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากขยายใหญ่มากขึ้น ช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติช่วยขับพยาธิตัวตืด โดยนำเมล็ดฟักทองประมาณ 50 กรัม นำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำตาล นม และเติมน้ำลงไปจนได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร แล้วนำมาแบ่งรับประทานเป็น 3 ครั้ง ทุกๆ 2 ชั่วโมงช่วยบำรุงตับและไตให้แข็งแรง รากฟักทองเมื่อนำมาต้มดื่มจะช่วยถอนพิษจากแมลงกัดต่อย ถอนพิษของฝิ่นได้เยื่อกลางของผลฟักทอง สามารถนำมาใช้พอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวด และอักเสบได้ใช้รับประทานเป็นอาหารว่าง อย่าง น้ำฟักทองคั้นสด พายฟักทองนำมาใช้ในการประกอบอาหารได้ย่างหลากหลาย เช่น ซุปฟักทอง แกง กินกับน้ำพริก เป็นต้นครับ
ฟักทอง ชื่อวิทยาศาสตร์ Cucurbita moschata Decne. ฟักทองแบ่งออกเป็นสองตระกูล อย่างแรกก็คือ ตระกูลฟักทองอเมริกัน (Pumpkin) จะมีผลใหญ่ เนื้อยุ่ย และอีกตระกูลคือตระกูลสควอช (Squash) ซึ่งได้แก่ฟักทองไทยและฟักทองญี่ปุ่น โดยฟักทองไทยนั้น ผิวของผลขณะยังอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะมีสีเหลืองสลับเขียว ผิวขรุขระเล็กน้อยโดยเปลือกจะมีลักษณะแข็งเนื้อในมีสีเหลือง พร้อมด้วยเมล็ดสีขาวแบนๆ ติดอยู่
ฟักทองอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุแมงกานีส ธาตุเหล็ก ซิงค์ เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการของฝักทองต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 26 กิโลแคลอรี่คาร์โบไฮเดรต 6.5 กรัม
- น้ำตาล 2.76 กรัม
- เส้นใย 0.5 กรัม
- ไขมัน 0.1 กรัม
- โปรตีน 1 กรัม
- วิตามินเอ 476 ไมโครกรัม 53%
- เบต้าแคโรทีน 3,100 ไมโครกรัม 29%
- ลูทีน และ ซีแซนทีน 1,500 ไมโครกรัม
- วิตามินบี1 0.05 มิลลิกรัม 4%
- วิตามินบี2 0.11 มิลลิกรัม 9%
- วิตามินบี3 0.6 มิลลิกรัม 4%
- วิตามินบี5 0.298 มิลลิกรัม 6%
- วิตามินบี6 0.061 มิลลิกรัม 5%
- วิตามินบี9 16 ไมโครกรัม 4%
- วิตามินซี 9 มิลลิกรัม 11%
- วิตามินอี 0.44 มิลลิกรัม 3%
- วิตามินเค 1.1 ไมโครกรัม 1%
- ธาตุแคลเซียม 21 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุเหล็ก 0.8 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุแมงกานีส 0.125 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุฟอสฟอรัส 44 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุโพแทสเซียม 340 มิลลิกรัม 7%
- ธาตุโซเดียม 1 มิลลิกรัม 0%
- ธาตุสังกะสี 0.32 มิลลิกรัม 3%
YKJ Medical Clinic มีความห่วงใยต่อสุขภาพของท่านและการดูแลตัวเองอย่าสม่ำเสมอ
YKJ Medical Clinic ให้บริการด้านเวชกรรมเพื่อเสริมสร้างความงาม
โดย นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ (คุณหมอกัน) เลขที่ใบอนุญาต ว.27560




YKJ Medical Clinic (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ ให้บริการด้านความงามมาเกือบ 15 ปี ภายใต้มาตรฐานวิชาชีพและข้อกำกับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้บริการหัตถการหลากหลาย เช่น การผ่าตัดจมูกแบบเปิด การทำตาสองชั้น การดึงหน้า การผ่าตัดเสริมหน้าอก การฉีดสารเติมเต็มที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. และบริการอื่น ๆ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
แนวทางการประเมินและออกแบบสัดส่วนใบหน้าและรูปทรงจมูกของคลินิกให้ความสำคัญกับความกลมกลืนกับลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล โดยอาศัยหลักการออกแบบที่ยอมรับในงานศิลป์และสัดส่วน เช่น สัดส่วนทองคำ (golden ratio) เพื่อช่วยประกอบการวางแผนร่วมกับผู้รับบริการ ทั้งนี้การวางแผนเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์และข้อมูลทางการแพทย์ของแต่ละราย
ผลงานของคลินิกและคุณหมอเคยถูกสื่อนำเสนอ เช่น HELLO! Magazine ในปี 2023 ในประเด็นที่เกี่ยวกับการผ่าตัดจมูกแบบเปิด และนิตยสารสุดสัปดาห์ในปี 2022–2023 ที่กล่าวถึงงานผ่าตัดจมูกแบบเปิดและการแก้ไขจมูก การกล่าวถึงจากสื่อภายนอกเป็นข้อมูลทั่วไปเพื่อให้ภาพรวม ไม่ใช่การรับรองคุณภาพหรือผลลัพธ์ และไม่ได้ใช้เพื่อการเปรียบเทียบกับสถานพยาบาลอื่น
คลินิกมีเอกสารยืนยันการเข้าร่วมโครงการจากผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์/วัสดุทางการแพทย์บางรายการที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานกำกับในปี 2023 เอกสารเหล่านี้เป็นข้อมูลจากผู้จัดจำหน่าย ใช้เพื่อความโปร่งใสด้านข้อมูล ไม่ใช่การยืนยันผลลัพธ์ทางการแพทย์ต่อสาธารณชน
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Clinic ยังมีแพทย์ท่านอื่นปฏิบัติงานภายใต้แนวทางมาตรฐานวิชาชีพ ให้คำปรึกษาและดูแลตามข้อบ่งชี้รายบุคคล การเข้ารับบริการทุกประเภทต้องผ่านการประเมินโดยแพทย์ก่อน และผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล