ปัญหาหลัก ๆ ที่คนทำศัลยกรรมจมูกมักจะเจอ และหลาย ๆ คนเป็นกันมาก ก็คือ เรื่องของ “จมูกทะลุ” นั่นเองครับ เนื่องมาจากหลายสาเหตุและหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เนื้อจมูกน้อย ผิวจมูกบางเกินไป แต่อยากเสริมจมูกให้โด่งๆ , ซิลิโคนที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน, เกิดจากการแก้จมูกแล้วแก้จมูกอีก ทำให้เนื้อจมูกบางลง หรือแม้แต่การเสริมจมูกไปนาน ๆ ก็อาจเสี่ยงทำให้จมูกบางลง และเกิดการทะลุได้เช่นเดียวกันครับ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้สายเกินแก้ หมอมีวิธีสังเกตง่ายๆ “สัญญาณเตือน จมูกทะลุ” มาฝากครับ
สัญญาณเตือน จมูกทะลุ รู้ก่อนระวังก่อน !!
1.สีของปลายจมูกเปลี่ยน
สังเกตดูได้ที่ปลายจมูกถ้ามีสีเปลี่ยนไป เป็นเพราะปลายจมูกบาง จนทำให้ซิลิโคนเกิดการเสียดสีกับปลายจมูกโดยตรง หรืออาจจะมาจากการติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้ปลายจมูกเปลี่ยนสีไปเป็นสีที่เข้มขึ้นจนสังเกตเห็นได้ โดยจะมีสีดังต่อไปนี้
- สีซีด เป็นผลมาจากปลายจมูกอาจจะเริ่มบาง หรืออาจจะมาาจากพังผืดหุ้มซิลิโคนได้
- สีแดง เป็นผลมาจากการอักเสบ เนื่องจากซิลิโคนกับเนื้อบริเวณปลายจมูกเกิดการเสียดสีบริเวณปลายจมูกจนแดงขึ้นเรื่อยๆ
- สีม่วง หรือสีดำ เป็นผลมาจากการที่ปลายจมูกเสียดสีมากจนเกิดอาการบวม เป็นหนอง และถ้าปลายจมูกเริ่มเป็นสีดำแสดงว่า อาจมีอาการติดเชื้อ ซึ่งเนื้อบริเวณที่ติดเชื้อนั้นอาจจะกลายเป็นเนื้อตาย ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดอันตรายได้
หากปลายจมูกเปลี่ยนสี โดยเฉพาะเป็นสีเข้มจนถึงดำ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที จะได้ไม่สายเกินไป
2.มีสิวหัวช้างขึ้นบริเวณปลายจมูก
ผู้ที่มีผิวบริเวณจมูกบางมาก อาจจะไม่เหมาะที่จะทำจมูก เพราะการเสริมจมูกจะเข้าไปขยายเนื้อผิว ทำให้จมูกมักจะทะลุได้ง่ายครับ เกิดสิวเม็ดใหญ่ที่บริเวณปลายจมูกจนรู้สึกเจ็บ ซึ่งไม่ว่าจะรักษาสิวอย่างไรก็ไม่หาย สิวไม่ยุบลง หากมีสิวหัวช้างที่บริเวณปลายจมูก อาจจะเกิดจากการที่ปลายจมูกเกิดการอักเสบ หรือติดเชื้อ เนื่องจากปลายจมูกเกิดการเสียดสี
3.ปลายจมูกใส ดูวาวสะท้อนแสง
เมื่อเวลาผ่านไป จมูกเริ่มรัดแกนมากขึ้น จะทำให้จมูกดูยาว โด่ง จมูกเกิดการบิดตัว เกิดการเสียดสีระหว่างซิลิโคนกับปลายจมูกมากเกินไป จนทำให้เห็นเนื้อจมูกใส และสะท้อนแสงจนเห็นเป็นเงาวาว สัญญาณเตือนนี้ ถือว่าเริ่มอันตราย เพราะว่าปลายจมูกบางมากจนเห็นซิลิโคน แสดงว่าจมูกของเรานั้นกำลังจะทะลุ ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
อ่านต่อได้ที่ บทความ : หลังเสริมจมูก กี่วันเข้าที่ ? เมื่อไหร่จมูกจะรัดแกน ?
4.เจ็บบริเวณปลายจมูกเมื่อสัมผัส
เมื่อสัมผัสบริเวณปลายจมูกจะต้องไม่รู้สึกเจ็บ หรือไม่เกิดอาการใดๆ แต่ถ้าเกิดว่าสัมผัสบริเวณปลายจมูกแล้วรู้สึกเสียว หรือรู้สึกเจ็บ สาเหตุมาจากปลายจมูกบาง และเมื่อปลายจมูกบางจะทำให้สัมผัสกับซิลิโคนโดยตรง ซิลิโคนเสียดสีกับผิวก็อาจทำให้รู้สึกเสียว หรือรู้สึกเจ็บได้
5. ซิลิโคนโผล่
ซิลิโคนโผล่ออกมาจากปลายจมูก เห็นปลายเป็นสีขาวขาวชัดเจน แสดงว่าจมูกได้ทะลุแล้ว กรณีนี้ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน และอย่าจับหรือดึงซิลิโคนออกเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้อาการหนักและแก้ไขได้ยากกว่าเดิม นอกจากนี้การทะลุของจมูก ที่เห็นเป็นประจำ คือการทะลุ 2 ตำแหน่ง คือ
- ทะลุจากสันด้านบน มีโอกาสที่จะทะลุตามแนวสันด้านบน หากทะลุจะแก้ได้ยากมาก และต้องรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
- ทะลุปลายจมูก ถ้าเกิดปลายจมูกตึง มีอาการแดงตลอดเวลา จนกระทั่งปลายเริ่มเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีใส แปลว่าจมูกกำลังจะทะลุ ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
จมูกทะลุ เกิดจากอะไร
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการจมูกทะลุหลังจากทำการเสริมจมูกมานาน เกิดได้หลาย คือ
- แก้จมูกบ่อยๆ หรือซิลิโคนที่อยู่ภายในจมูกถูกรบกวน บางคนอาจเคยทำจมูกมาแล้ว แต่ทรงจมูก ไม่ถูกใจ เลยจำเป็นต้องแก้แก้แล้ว แก้อีก ซึ่งจริง ๆ แล้วการแก้ไขจมูกต้องรออย่างน้อย 6-12เดือนขึ้นไป จึงจะสามารถทำการแก้จมูกได้ เพราะถ้าแก้เลยหลังเสริมใหม่ภายในช่วงเวลาไม่กี่เดือน จะเกิดความเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อได้ และจะทำให้แผลเย็บไม่ติดได้
- พฤติกรรมที่ชอบแคะ แกะ เกาจมูกอยู่บ่อยๆ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จมูกทะลุได้เช่นกัน
- ใส่ซิลิโคน หรือ วางตำแหน่งของซิลิโคนที่ไม่เหมาะสม เกิดจากการใส่ซิลิโคนที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับเนื้อผิวจมูก เช่น หนาหรือใหญ่เกินไป , ยาวหรือแหลมเกินไป ซึ่งการใส่ซิลิโคนที่ไม่เหมาะสม จะเป็นการฝืนเนื้อมากเกินไป ถ้าคนที่มีเนื้อจมูกน้อย เมื่อเสริมจมูกให้ปลายพุ่งมากเกินไป ทำให้ซิลิโคนไปกดเนื้อบริเวณปลายจมูก ทำให้ขาดเลือดมาเลี้ยง เหมือนขาดสารอาหารไปเลี้ยงเนื้อบริเวณปลายจมูก ทำให้เนื้อผิวจมูกบางลงเรื่อย ๆ จนถึงขั้นที่จะทะลุออกมาได้ หรือการวางตำแหน่งของซิลิโคน ทำให้มีแรงกดต่อเนื้อเยื่อในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ จนเกิดการทะลุได้
- ซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน ใครที่ทำจมูกราคาถูก หรือไม่ได้ตรวจสอบคลินิกที่ทำให้ดีก่อน ก็อาจเกิดอาการจมูกทะลุได้จากการที่ วัสดุไม่มีคุณภาพ ไม่ยืดหยุ่น หรือเป็นซิลิโคนปลอมได้
- การอักเสบและติดเชื้อ หลังจากเสริมจมูก ในกรณีที่จมูกติดเชื้อไม่รุนแรง จะมีอาการบวมยุบแบบไม่คงที่ อาจมีเลือดไหลออก หรืออาจมีน้ำเหลืองไหลออกจากด้านในจมูก หรือบริเวณรอยแผลที่ผ่าตัด ร่วมกับมีอาการปวด บวมแดงได้ ส่วนในกรณีที่จมูกติดเชื้ออย่างรุนแรง สีผิวหนังจมูกจะเริ่มกลายเป็นสีดำ ซิลิโคนกินเนื้อจมูก ทำให้เนื้อยุบลง จมูกเน่า และจมูกทะลุได้
ยังไงก็ตามหากมีอาการควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด อย่าได้ละเลย เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่จริง ๆ แล้วอาการจมูกทะลุถือเป็นปัญหาที่ส่งผลทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ รวมไปถึงอาการที่รุนแรงต่าง ๆ เช่น กรณีที่เกิดติดเชื้อรุนแรง อาจจะส่งผลทำให้จมูกเสียทรง จมูกเสียรูป หรือเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ดังนั้นทางที่ดีควรจะรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาให้เร็วที่สุด
นอกจากนั้นการดูแลตัวเองไม่ให้เกิดปัญหาจมูกทะลุ ก็ทำได้โดยการศึกษารายละเอียดของซิลิโคนที่เหมาะสม และเลือกซิลิโคนที่ดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะเนื้อของซิลิโคนที่เหมาะกับเนื้อจมูก นอกจากนั้นการเลือกคลินิกเสริมจมูกให้ดี ก็นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และแนะนำทรงจมูกที่เหมาะสม เพื่อป้องกันอันตรายที่จะทำให้จมูกทะลุ เช่น อาจจะแนะนำให้ใช้กระดูกอ่อนรองบริเวณปลายจมูก เพื่อป้องกันจมูกทะลุ ดังนั้นควรจะฟังคำแนะนำของแพทย์ให้ดี
หน้าแรก 
โปรโมชั่น 
ปรึกษาฟรี 
ปรึกษาฟรี 