“ซิลิโคนคางขยับได้” หลายๆ คนอาจเคยพบปัญหานี้มาก่อน ซึ่งเป็นภาวะที่ซิลิโคนที่คนไข้ไปเสริมขยับได้ง่าย ซึ่งในคนไข้แต่ละเคสก็จะแสดงออกมาแตกต่างกันไป ซึ่งในเคสที่หนักที่สุด อาการที่แสดงคือเห็นซิลิโคนเป็นลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง อย่างไรก็ดี ปัญหานี้ได้สร้างความไม่มั่นใจให้กับคนไข้ผู้ประสบปัญหานี้เป็นอย่างมาก นั่นจึงเป็นเหตุผบที่ว่าทำไมคนไข้ทุกท่านจำเป็นต้องทราบถึงรายละเอียดของปัญหานี้ และแก้ไขมันได้อย่างถูกต้อง
ซิลิโคนคางขยับได้เกิดจากอะไร ต้องแก้หรือไม่ และแก้ไขอย่างไรดี?
ปัญหาซิลิโคนลอย ( Floating Silicone Implant) คือ ภาวะที่ซิลิโคนมีการขยับได้ง่าย ซึ่งจะขยับมากหรือน้อยก็จะขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละเคสครับ ซึ่งตามที่หมอได้กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า ในบางเคสอาจเห็นซิลิโคนเป็นก้อนลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จนอาจส่งผลต่อรูปทรงคางจนขาดความมั่นใจ เนื่องจากตัวซิลิโคนเองเป็นของนอกร่างกายที่มีลักษณะไม่ทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อของคาง ซึ่งไม่มีการโตเข้าไปยึดกับผิวซิลิโคน ต่างจากการใช้กระดูกของคนไข้เองที่นำมาใช้ในการเสริมคาง ที่เนื้อเยื่อสามารถโตเข้าไปยึดในชั้นผิวได้ ทำให้หลังเสริมแน่น ไม่ลอยขยับไปมา
เสริมคางด้วยซิลิโคน คืออะไร?
วิธีการทำคางเช่นนี้ คือการเสริมให้คางของคนไข้ดูมีความสมส่วน และสมดุลกับใบหน้ามากขึ้นครับ เสริมสิ่งที่เรียกว่า ซิลิโคนคาง เข้าไปยังตำแหน่งที่กำหนด ซึ่งซิลิโคนคางมีหลายแบบ ให้เลือก มีข้อดี ข้อเด่น ข้อจำกัดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและตามคำแนะนำของคุณหมอผู้ชำนาญครับ
การใส่ซิลิโคนเสริมคางมีกี่แบบ
มีทั้งสิ้น 3 แบบ คือ
- เสริมซิลิโคนลงข้างล่าง
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีคางสั้น ซึ่งการวัดต้องได้สัดส่วนจากหน้าผาก-จมูก-คาง
- เสริมซิลิโคนออกมาด้านหน้า
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่คางหลบ เวลามองด้านข้างคางจะหลบไปด้านหลัง ก็จะเสริมเพื่อให้ดูยื่นออกมาด้านหน้า
- เสริมซิลิโคนออกมาตรงกลางระหว่างบนและล่าง
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่คางสั้น และหลบวิธีนี้ต้องเสริมออกมาตรงกลาง สำหรับผู้ที่ต้องแก้ปัญหาคางมาก อาจจะต้องตัดกระดูก เลื่อนกระดูกกราม และการเลื่อนกระดูกต้องทำร่วมกับการจัดฟันด้วย
สาเหตุของซิลิโคนลอย
1. การเปิดช่องว่างเพื่อซิลิโคน
อาจเกิดจากการเปิดช่องว่างเพื่อวางซิลิโคนอยู่ในชั้นตื้น ไม่วางใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูก เช่น ซิลิโคนไม่แนบไปกับแนวขากรรไกร ขยับโยกได้ และ ซิลิโคนคางเอียง
2. เยื่อหุ้มกระดูกตามแนวขากรรไกของคนไข้ค่อนข้างหลวม
เกิดจากเยื่อหุ้มกระดูกตามแนวขากรรไกของคนไข้ค่อนข้างหลวม ทำให้เวลาเสริมซิลิโคนที่มีความหนาไม่มาก สามารถขยับได้ง่าย แม้ว่าจะเสริมในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูกก็ตาม
3. การติดเชื้อในเนื้อเยื่อของคาง
เกิดจากการติดเชื้อในเนื้อเยื่อคาง จนเกิดเป็นหนองภายในจมูก รอบๆ ซิลิโคน ทำให้ซิลิโคนลอยได้ มักมีอาการบวม แดง ร้อน และปวดแผลร่วมด้วย
4. การปรับขนาดซิลิโคนไม่เหมาะสมกับโครงหน้า
หากซิลิโคนมีขนาดไม่พอดีหรือช่องใส่กว้างเกินไป อาจทำให้เกิดการเคลื่อนของซิลิโคนภายหลังการผ่าตัด
ภาวะซิลิโคนลอยอันตรายไหม?
ในเคสที่มีภาวะซิลิโคนลอย ขยับได้ง่ายเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่มีภาวะคางตึงบาง ปลายคางบางใส ซิลิโคนเอียงผิดแนวคางอย่างมาก หากไม่มีภาวะดังกล่าวร่วมด้วย อาจไม่จำเป็นต้องแก้ไขได้ ยกเว้นในเคสที่ซิลิโคนลอยค่อนข้างมาก ส่งผลต่อรูปทรงคางของคนไข้ ควรได้รับการแก้ไข เพื่อเสริมความมั่นใจ และป้องกันการเกิดปัญหาอื่นๆตามมาภายหลังได้
การแก้ไขภาวะซิลิโคนลอย ทำอย่างไร?
สำหรับการแก้ไขนั้นขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิด แตกต่างกันไปในแต่ละเคส แต่ในภาพรวมแล้ว หากเป็นเคสที่เกิดภาวะซิลิโคนลอยและได้รับการแก้ไขด้วยเทคนิคซิลิโคน มาแล้วหลายครั้ง ควรเปลี่ยนเทคนิคการผ่าตัดโดยใช้วัสดุอื่นหรือวัสดุเนื้อเยื่อของร่างกายตนเอง เพื่อให้เนื้อเยื่อจมูกสามารถยึดได้ครับ
แก้ที่การเสริมซิลิโคน
ภาวะซิลิโคนลอยนั้น ค่อนข้างส่งความเสี่ยงต่อการทะลุที่เกิดจากการที่ซิลิโคนที่มีขนาดไม่พอดีกับโครงสร้างเดิมของคาง ซึ่งนอกจากสาเหตุต่างๆ จากที่กล่าวมา หากซิลิโคนยาวหรือใหญ่เกินไปจะมีอาการแดงบริเวณคางและมักร่วมด้วยกับอาการปวด ผิวหนังบริเวณคางจะตึงและบางลง หากเจอปัญหาคางทะลุ แล้วรีบมาแก้ไขก็จะไม่ทำให้เกิดการผิดรูป หรือเสียรูปทรงคางเดิม
ซึ่งการแก้ไขทำได้โดย การถอดซิลิโคนพัก เพราะโอกาสเย็บแผลให้ติดแข็งแรงทำได้ยาก หรือถ้าสามารถถอดซิลิโคนมาลดขนาดและเย็บแผลปิดได้ก็ไม่ต้องถอดพัก แต่ต้องเฝ้าระวังดูแลแผลเป็นอย่างดีไม่ควรให้มีแผลแยก
การเสริมคางโดยใช้กระดูกของตนเอง
การเสริมคางด้วยวิธีนี้เป็นการตัดเลื่อนและต่อคางโดยใช้กระดูกของคนไข้ในการผ่าตัด ซึ่งจะเปลี่ยนโครงหน้าทำให้คางดูยาวขึ้นทั้งแนวหน้าด้านตรงและด้านข้าง อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาคางหุบ คางถอย คางยื่นได้ในบางกรณีครับ
เป็นแนวทางการเสริมที่ช่วยแก้ไขปัญหาคางหลากหลาย เพราะมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนโครงหน้าทำให้คางดูยาวขึ้นทั้งแนวหน้าด้านตรงและด้านข้าง อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาคางหุบ คางถอย คางยื่นให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
เสริมคาง กับ “หมอกัน” มีขั้นตอนยังไงบ้าง?
ในแต่ละเคส ก่อนจะเสริมหมอจะประเมินโดยพิจารณาองค์ประกอบของใบหน้าจากหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก จมูก และกราม เพื่อให้ได้สัดส่วนคางที่เหมาะสม เข้ากับรูปหน้า และความต้องการของคนไข้แต่ละเคส นอกจากนี้ยังมีซิลิโคนเหลาเฉพาะแต่ละคน เพื่อแก้ปัญหาคางของแต่ละคนด้วยนะครับ อย่างไรก็ดี หากคนไข้ท่านใดอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม หรืออยากปรึกษาหาแนวทางว่าการเสริมคางด้วยวิธีใดที่เหมาะกับตนเอง ก็สามารถเข้ามาสอบถามหรือทักเขามาที่ช่องทางต่างๆ ของทางคลินิคได้ครับ
YKJ Medical Clinic ให้บริการด้านเวชกรรมเพื่อเสริมสร้างความงาม
โดย นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ (คุณหมอกัน) เลขที่ใบอนุญาต ว.27560




YKJ Medical Clinic (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ ให้บริการด้านความงามมาเกือบ 15 ปี ภายใต้มาตรฐานวิชาชีพและข้อกำกับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้บริการหัตถการหลากหลาย เช่น การผ่าตัดจมูกแบบเปิด การทำตาสองชั้น การดึงหน้า การผ่าตัดเสริมหน้าอก การฉีดสารเติมเต็มที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. และบริการอื่น ๆ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
แนวทางการประเมินและออกแบบสัดส่วนใบหน้าและรูปทรงจมูกของคลินิกให้ความสำคัญกับความกลมกลืนกับลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล โดยอาศัยหลักการออกแบบที่ยอมรับในงานศิลป์และสัดส่วน เช่น สัดส่วนทองคำ (golden ratio) เพื่อช่วยประกอบการวางแผนร่วมกับผู้รับบริการ ทั้งนี้การวางแผนเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์และข้อมูลทางการแพทย์ของแต่ละราย
ผลงานของคลินิกและคุณหมอเคยถูกสื่อนำเสนอ เช่น HELLO! Magazine ในปี 2023 ในประเด็นที่เกี่ยวกับการผ่าตัดจมูกแบบเปิด และนิตยสารสุดสัปดาห์ในปี 2022–2023 ที่กล่าวถึงงานผ่าตัดจมูกแบบเปิดและการแก้ไขจมูก การกล่าวถึงจากสื่อภายนอกเป็นข้อมูลทั่วไปเพื่อให้ภาพรวม ไม่ใช่การรับรองคุณภาพหรือผลลัพธ์ และไม่ได้ใช้เพื่อการเปรียบเทียบกับสถานพยาบาลอื่น
คลินิกมีเอกสารยืนยันการเข้าร่วมโครงการจากผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์/วัสดุทางการแพทย์บางรายการที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานกำกับในปี 2023 เอกสารเหล่านี้เป็นข้อมูลจากผู้จัดจำหน่าย ใช้เพื่อความโปร่งใสด้านข้อมูล ไม่ใช่การยืนยันผลลัพธ์ทางการแพทย์ต่อสาธารณชน
นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Clinic ยังมีแพทย์ท่านอื่นปฏิบัติงานภายใต้แนวทางมาตรฐานวิชาชีพ ให้คำปรึกษาและดูแลตามข้อบ่งชี้รายบุคคล การเข้ารับบริการทุกประเภทต้องผ่านการประเมินโดยแพทย์ก่อน และผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ