การเติมไขมันใต้ตาเป็นการทำหัตถการที่คนยุคใหม่ที่ดูแลตัวเองนิยม เนื่องจากเป็นช่วยฟื้นฟูร่องรอยหมองคล้ำใต้ตาให้กลับมาสดชื่น สดใสและอ่อนเยาวขึ้น แต่นอกจากการฉีดไขมันแล้วยังมีหัตถการอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเช่นกัน นั่นก็คือโปรแกรมฟิลเลอร์ ทำให้คนไข้มีความสับสนว่า ควรเลือกฉีดเติมไขมันหรือโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาดีกว่ากัน
อ่านรีวิว “คุณแคนดี้” เพิ่มเติมได้ที่นี่
การ “เติมไขมันใต้ตา” กับ “โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา” ต่างกันอย่างไร?
สำหรับใครที่เพิ่งศึกษาหาข้อมูลอาจจะสับสนว่าทั้งคู่แตกต่างกันอย่างไร? … วิธีแยกความแตกต่างของทั้งคู่นะครับก็คือ การเติมไขมัน คือการดูดไขมันจากส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย เช่น ต้นแขน หน้าท้อง ต้นขา ก้น แล้งนำมาปั่นสกัดเอาสเต็มเซลล์ออกมาเพื่อให้พร้อมต่อการปลูกถ่ายต่อไป
ข้อดีของการเติมไขมัน
- สามารถฉีดเข้ากับทุกส่วนของร่างกาย
- ลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ เพราะไขมันที่นำมาฉีดนั้นเป็นไขมันของตัวเอง
- สามารถคงสภาพอยู่บนใบหน้าสวยงามประมาณ 1 – 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลสภาพผิวของผู้ทำการรักษา
ข้อเสียของการเติมไขมัน
- ต้องใช้ไขมันของตัวเองเท่านั้น
- ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าโปรแกรมฟิลเลอร์
ส่วนโปรแกรมฟิลเลอร์นั้นจะเป็นการฉีดเพื่อเติมสารเติมเต็มลงไปส่วนต่างๆ ของใบหน้าที่เป็นริ้วรอย หมองคล้ำ โดยสารเติมเต็มที่ใช้จะมีส่วนประกอบของ HA ที่ปลอดภัย มีลักษณะคล้ายเจลลี่ ยืดหยุ่นง่ายคล้ายคอลลาเจนธรรมชาติ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- สามารถฉีดเข้าได้กับทุกส่วนของร่างกาย
- สามารถย่อยสลายได้ ไม่ทิ้งสารตกค้าง
- เข้าที่เร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
- ต้องกลับมาฉีดซ้ำบ่อย อย่างน้อย 3-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีดและตำแหน่งที่ฉีด)
ใต้ตาหมองคล้ำ ควรฉีดอะไรดี
บริเวณใต้ตาค่อนข้างเป็นส่วนที่บอบบางเป็นพิเศษ ดังนั้นหากต้องการหัตถการบริเวณนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเพราะปัญหาของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน นอกจากนี้บริเวณใต้ตานั้นมักจะเป้นปัญหาริ้วรอยร่องตื้นๆ และรอบหมองคล้ำเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับโปรแกรมฟิลเลอร์มากกว่าเติมไขมัน เนื่องจากฟิลเลอร์นั้นมีหลากหลายรุ่นที่สามารถเลือกขนาดโมเลกุลให้เหมาะสมกับปัญหานั้นๆ ได้เยอะกว่าไขมัน และนอกจากนี้การฉีดเติมไขมันบริเวณใต้ตายังต้องใช้แพทย์ที่มีความรู้ เพราะหากคำนวนไม่ดีอาจจะทำให้หลังฉีดไขมัน ใต้ตาเกิดปัญหาใต้ตาไม่เท่ากันได้ครับ
หน้าแรก 
โปรโมชั่น 
ปรึกษาฟรี 
ปรึกษาฟรี 