หากคุณสักมาแล้ววันหนึ่งรู้สึกเบื่อ หรือมีเหตุจำเป็นที่จะต้องลบรอยสัก คุณอาจต้องศึกษาเกี่ยวกับวิธีการลบรอยสัก ว่าวิธีไหนบ้างที่ตรงใจคุณ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีลบรอยสักทั้ง 5 วิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมต่อตัวคุณเอง
การลบรอยสักมีกี่แบบ อะไรบ้าง
1. ลบด้วยโปรแกรมเลเซอร์
เป็นการใช้เครื่องยิงแสงเลเซอร์ลงลึกถึงชั้นผิวหนัง เพื่อทำลายเม็ดสี ทำให้สีหมึกแตกตัวเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก จนร่างกายขับออกไปเอง ในปัจจุบันมีทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่
- โปรแกรม Pico Laser เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อลบรอยสักและอาจช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวอาจดูสว่างขึ้น โดยเทคโนโลยีนี้จะให้พลังงานสูงในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้เม็ดสีแตกตัวอย่างละเอียด เพื่อให้ร่างกายกำจัดออกตามกลไกธรรมชาติ โดยแสงเลเซอร์จะเลือกจับเฉพาะรอยดำที่เกิดจากโรค หรือหมึกจากรอยสัก ทำให้เกิดความร้อนกับผิวข้างเคียงน้อยกว่าเลเซอร์รุ่นก่อน ผิวรอบข้างจึงถูกทำลายน้อยกว่า และใช้เวลารักษาน้อยกว่าเครื่องเลเซอร์รุ่นก่อน เหมาะสำหรับสีของรอยสักทุกรูปแบบ และที่สำคัญให้ความรู้สึกระคายเคืองน้อยลงกว่าเลเซอร์ชนิดอื่นอีกด้วย นอกจากนี้พลังงานแสงที่มีความถี่สูงมากจะเปลี่ยนสสารเป็นแรงดันเล็ก ๆ ระดับนาโน กระจายทั่วผิวหนัง เกิดการสร้างอิลาสตินและคอลลาเจนขึ้นมาใหม่จำนวนมาก ช่วยให้ผิวกระชับแน่น เรียบเนียน และกระจ่างใส อีกทั้งมีการนำมาใช้ร่วมกับการดูแลเพื่อลดเลือนริ้วรอย และรักษาได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
- โปรแกรม Q-Switched Laser เป็นเทคโนโลยีสำหรับลบรอยสักที่ใช้พลังงานความถี่ในระดับต่ำกว่าโปรแกรม Pico Laser จึงลบรอยสักที่มีสีเขียวและสีเหลืองไม่ได้ ทั้งนี้ อาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองมากกว่าโปรแกรม Pico Laser ได้ครับ ส่วนแผลหลังการรักษาอาจเพิ่มขึ้น มีรอยด่างขาวตามมา และหายช้ากว่าวิธีอื่น
2. ผ่าตัดลบรอยสัก
เป็นการผ่าตัดผิวหนังบริเวณที่มีรอยสักออก และเย็บผิวหนังส่วนที่เหลือเพื่อปิดรอย แม้ว่าจะเป็นวิธีที่สามารถสามารถลบรอยสักได้ค่อนข้างชัดเจน แต่เหมาะสำหรับรอยสักขนาดเล็กเท่านั้น อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการลบรอยสักด้วยวิธีอื่น และใช้เวลาพักฟื้นนาน หรืออาจเสี่ยงที่จะเกิดอาการผิวหนังอักเสบและติดเชื้อได้
3. กรอผิวหนังลบรอยสัก
เป็นการใช้เครื่องมือถูไปมาบริเวณรอยสักให้ลึกถึงชั้นหนังแท้ เพื่อกำจัดสีหมึกให้หลุดออก ซึ่งบางรายอาจเห็นความเปลี่ยนแปลงได้หลังทำ แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่แพงมากนัก และเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้แสงเลเซอร์
และการกรอผิวหนัง ต้องรักษาซ้ำหลายรอบ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น หากบางรายมีอาการรุนแรงมากอาจเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบและติดเชื้อบริเวณผิวหนังได้ อีกทั้งเป็นวิธีที่อาจทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าวิธีเลเซอร์ หากเทียบกับการทำเลเซอร์ลบรอยสัก
4. เมคอัพลบรอยสัก
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปกปิดรอยสักชั่วคราว โดยใช้ครีมรองพื้นผสมสีให้มีสีเดียวกันกับผิวหนัง จากนั้นทาทับลงบนรอยสักเกลี่ยให้เรียบเนียน และลงคอนซีลเลอร์เพื่อปิดทับอีกที จนดูเรียบเนียนไปกับผิวหนัง แล้วจึงใช้สเปรย์ล็อกเครื่องสำอาง (Setting Spray) เพื่อล็อกเครื่องสำอางไม่ให้ไหลเยิ้ม เมื่อโดนเหงื่อหรือโดนน้ำ
ข้อดีของเมคอัพลบรอยสักจะใช้เวลาทำไม่นาน สามารถปกปิดรอยสักได้ทันทีในระหว่างที่แต่งหน้า แต่มีข้อเสียอยู่ที่เมคอัพอาจจะเลอะเสื้อผ้าและโดนน้ำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากโดนน้ำตรง ๆ อาจทำให้เมคอัพหายได้เช่นกัน
5. สักทับรอยเดิม
เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรอยสัก และมีแพลนว่าจะเติมรอยสักบนร่างกายเพิ่ม หากเป็นการสักทับ รอยเดิมต้องเลือกช่างที่มีประสบการณ์ เพราะถ้าช่างสักไม่มีประสบการณ์มากพอ อาจทำให้รอยสักใหม่นั้นปิดรอยเก่าได้ไม่สนิท นอกจากจะเจ็บตัวจากการย้ำสีหลาย ๆ รอบแล้ว ยังอาจทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมด้วย
ปัจจัยที่มีผลต่อการลบรอยสัก
- ขนาดของรอยสัก หากรอยสักมีขนาดเล็ก อาจใช้ระยะเวลาในการลบเร็วกว่ารอยสักขนาดใหญ่
- สีของรอยสัก ถ้าหากเป็นสีเข้มอย่างสีดำและสีส้ม จะใช้เวลาลบไม่กี่รอบ หากเป็นสีที่มีความสว่างอย่างสีแดง, สีเหลือง, สีส้ม อาจต้องใช้เวลาลบหลายรอบ เพราะเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเป็นสีดำ เพื่อให้เลเซอร์ลบออกอีกที
- ตำแหน่งของรอยสัก มีผลต่อแผลเป็นหลังลบรอยสักโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก, หลัง และใบหน้า เพราะเป็นบริเวณที่เกิดแผลเป็นได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และยิ่งรอยสักอยู่ใกล้ดวงตามากเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงต่อจอประสาทตา อาจถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นได้ด้วยเช่นกัน
- ระดับความลึกของรอยสัก โดยทั่วไปช่างสักจะลงเข็มในระดับความลึกเพียงประมาณ 2 มิลลิเมตร และไม่เกิน 3 มิลลิเมตร แต่หากเป็นช่างสักที่ยังไม่มีประสบการณ์ อาจลงสีไม่สม่ำเสมอ ทำให้เม็ดสีอยู่ในชั้นผิวตื้นลึกไม่เท่ากัน และยิ่งถ้าช่างใช้เข็มสักยันต์แทงสีเข้าไปลึกถึงผิวหนังชั้นหนังแท้ จะทำให้เม็ดสีถูกฝังลึก อาจทำให้ลบออกได้ยากมาก
โดย นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ (คุณหมอกัน) เลขที่ใบอนุญาต ว.27560 YKJ Medical Clinic (ชื่อเดิม “ธีระธรฌ์คลินิก”) ก่อตั้งโดยคุณหมอกัน นพ. รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ ให้บริการด้านความงามมาเกือบ 15 ปี ภายใต้มาตรฐานวิชาชีพและข้อกำกับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้บริการหัตถการหลากหลาย เช่น การผ่าตัดจมูกแบบเปิด การทำตาสองชั้น การดึงหน้า การผ่าตัดเสริมหน้าอก การฉีดสารเติมเต็มที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. และบริการอื่น ๆ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ แนวทางการประเมินและออกแบบสัดส่วนใบหน้าและรูปทรงจมูกของคลินิกให้ความสำคัญกับความกลมกลืนกับลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล โดยอาศัยหลักการออกแบบที่ยอมรับในงานศิลป์และสัดส่วน เช่น สัดส่วนทองคำ (golden ratio) เพื่อช่วยประกอบการวางแผนร่วมกับผู้รับบริการ ทั้งนี้การวางแผนเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์และข้อมูลทางการแพทย์ของแต่ละราย ผลงานของคลินิกและคุณหมอเคยถูกสื่อนำเสนอ เช่น HELLO! Magazine ในปี 2023 ในประเด็นที่เกี่ยวกับการผ่าตัดจมูกแบบเปิด และนิตยสารสุดสัปดาห์ในปี 2022–2023 ที่กล่าวถึงงานผ่าตัดจมูกแบบเปิดและการแก้ไขจมูก การกล่าวถึงจากสื่อภายนอกเป็นข้อมูลทั่วไปเพื่อให้ภาพรวม ไม่ใช่การรับรองคุณภาพหรือผลลัพธ์ และไม่ได้ใช้เพื่อการเปรียบเทียบกับสถานพยาบาลอื่น คลินิกมีเอกสารยืนยันการเข้าร่วมโครงการจากผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์/วัสดุทางการแพทย์บางรายการที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานกำกับในปี 2023 เอกสารเหล่านี้เป็นข้อมูลจากผู้จัดจำหน่าย ใช้เพื่อความโปร่งใสด้านข้อมูล ไม่ใช่การยืนยันผลลัพธ์ทางการแพทย์ต่อสาธารณชน นอกจากคุณหมอกันแล้ว YKJ Medical Clinic ยังมีแพทย์ท่านอื่นปฏิบัติงานภายใต้แนวทางมาตรฐานวิชาชีพ ให้คำปรึกษาและดูแลตามข้อบ่งชี้รายบุคคล การเข้ารับบริการทุกประเภทต้องผ่านการประเมินโดยแพทย์ก่อน และผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลYKJ Medical Clinic ให้บริการด้านเวชกรรมเพื่อเสริมสร้างความงาม