หมอกันเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่อยากเสริมจมูกเพื่อเพิ่มความสวยเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้ทำการบ้านเกี่ยวกับการเสริมจมูกอย่างจริงจัง จนอาจละเลยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแผลเสริมจมูกติดเชื้อที่คงไม่มีใครอยากให้เกิดกับตัวเองอย่างแน่นอน แต่หากภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นกับคุณแล้ว จะมีวิธีไหนในการรับมือและจัดการได้บ้าง วันนี้หมอกันจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
แผลเสริมจมูกติดเชื้อคืออะไร
เป็นภาวะอักเสบติดเชื้อที่เกิดจากปฏิกิริยาต่อต้านซิลิโคนที่ถูกใส่เข้าไปในร่างกายเพื่อเสริมจมูก โดยทั่วไปแล้วร่างกายจะสร้างผนังที่เรียกว่า แคปซูล มาห่อหุ้มเนื้อเยื่อเพื่อป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้สัมผัสกับซิลิโคนซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ร่างกายไม่ได้สร้างขึ้นเอง แม้ว่าจะเป็นปฏิกิริยาที่ไม่เป็นอันตราย แต่หากคนไข้ดูแลสุขภาพร่างกายไม่ดี ละเลยการทำความสะอาดแผลหลังเสริมจมูกอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ อาจทำให้แคปซูลที่ห่อหุ้มอยู่นั้นกลายเป็นพังผืดหนาและมีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่บริเวณดังกล่าวจนเกิดการติดเชื้อในที่สุด
สาเหตุของแผลเสริมจมูกติดเชื้อ
- ซิลิโคนไม่เหมาะกับตำแหน่งของคนไข้
- เสริมจมูกด้วยซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐานและเกิดการอักเสบ
- ร่างกายปฏิเสธซิลิโคนและก่อให้เกิดอาการแพ้ (พบได้น้อยมาก)
- คนไข้ละเลยการดูแลรักษาแผลหลังเสริมจมูกตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ล้างแผลหรือล้างแผลผิดวิธี
- รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือทำให้แผลหายช้า ได้แก่ อาหารรสจัด อาหารดิบ อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารหมักดอง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ใช้มือหรืออวัยวะส่วนอื่นสัมผัสจมูกเป็นประจำหลังการเสริมจมูก
- จมูกได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงหลังเสริมจมูก
- มีพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้แผลติดเชื้อง่าย เช่น เป็นหวัด น้ำมูกไหล ไอจามบ่อย
- มีพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำโดยไม่รู้ตัวและทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงใบหน้ามากกว่าปกติ เช่น ออกกำลังกายแบบออกแรงเยอะ ติดการนอนห้อยตัวเป็นประจำ นวดใบหน้า สูบบุหรี่ ฯลฯ
อาการของแผลเสริมจมูกติดเชื้อ
- มีอาการบวมแดงบริเวณแผลเป็นเวลานานกว่า 1 – 2 สัปดาห์
- อาการปวดหรือบวมแดงไม่มีท่าทีว่าจะบรรเทาลงแม้แต่น้อย
- มีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลออกมาจากแผล
- เห็นปลายซิลิโคนนูนออกมาชัดเจน
- มีสิวหัวช้างขึ้นบริเวณจมูก (ไม่ควรบีบออกเองเด็ดขาด)
- เนื้อจมูกบุ๋มยุบลงไป ผิวหนังบริเวณจมูกมีสีคล้ำ
ระยะเวลาที่เกิดการติดเชื้อ
- 1 สัปดาห์แรก เป็นช่วงที่มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายที่สุดเพราะเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอและกำลังฟื้นตัว
- หลังการรักษา 1 สัปดาห์ แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ตัวซิลิโคนจะไม่ยึดกับจมูกดีมากนัก แต่อาการบวมจะบรรเทาลงเรื่อย ๆ (ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของแต่ละคน) แต่หากมีอาการแดงบริเวณดั้งหรือหัวตาแสดงว่าจมูกอักเสบติดเชื้อครับ
- หลังการรักษา 1 เดือน โดยทั่วไปแล้วจะเป็นช่วงที่จมูกเริ่มดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ แทบไม่มีอาการบวม แดงใด ๆ แต่หากมีอาการบวมแดงเกิดขึ้นแสดงว่าจมูกติดเชื้อและอักเสบแน่นอนครับ
ระดับความรุนแรงของอาการ
- หากติดเชื้อระดับไม่รุนแรง จะมีเพียงอาการปวดบวมบริเวณแผลเท่านั้น ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงภายนอกให้เห็นแต่อย่างใด
- หากติดเชื้อระดับปานกลาง นอกจากอาการปวดบวมแล้วยังมีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลออกมาจากจมูก หรือมาจากแผลผ่าตัดอีกด้วย
- หากติดเชื้อระดับรุนแรง จะมีทั้งอาการปวดบวม มีเลือดหรือหนองไหลออกจากจมูก นอกจากนี้สีของผิวจมูกจะเปลี่ยนไปกลายเป็นสีดำ และเมื่อซิลิโคนกินเนื้อจมูก ส่งให้เนื้อจมูกยุบหรือบุ๋มลงไป จมูกเน่ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และลงท้ายด้วยภาวะซิลิโคนทะลุในที่สุด
วิธีรักษาแผลหลังเสริมจมูกติดเชื้อ
- กรณีที่มีอาการอักเสบแต่ยังมีเนื้อจมูกไม่บางมากและไม่มีหนองไหล แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะจนกว่าอาการอักเสบจะทุเลาลง แล้วจึงผ่าตัดแก้จมูกโดยใช้เนื้อเยื่อของคนไข้เพียงอย่างเดียว
- กรณีที่มีอาการอักเสบและมีหนองไหล แพทย์จะถอดวัสดุสังเคราะห์ออกเพื่อล้างโพรงจมูกด้านในและใส่เนื้อเยื่อของคนไข้เอาไว้ป้องกันจมูกยุบตัวหรือผิดรูป จากนั้นแพทย์จะรอจนกว่าแผลจะหายดีประมาณ 3 – 6 เดือน แล้วค่อยนัดผ่าตัดแก้จมูกโดยใช้เนื้อเยื่อของคนไข้เองทั้งหมด
- กรณีที่มีอาการอักเสบแต่ไม่มีหนองไหล และมีเนื้อจมูกบางจนซิลิโคนใกล้ทะลุ แพทย์จะผ่าตัดเอาซิลิโคนออกทันทีก่อนที่จะใส่เนื้อเยื่อของคนไข้เพื่อป้องกันจมูกยุบตัวหรือผิดรูป จากนั้นแพทย์จะรอจนกว่าแผลจะหายดีประมาณ 3 – 6 เดือน แล้วค่อยนัดผ่าตัดแก้จมูกโดยใช้เนื้อเยื่อของคนไข้เองทั้งหมด
ป้องกันแผลเสริมจมูกติดเชื้อได้อย่างไรบ้าง
- หลังการเสริมจมูก แนะนำให้ใช้สำลีชุบกับน้ำเกลือเช็ดแผลเบา ๆ ในกรณีที่คนไข้เย็บไหมละลายเอาไว้ ตัวไหมจะหลุดออกเองภายใน 2 – 3 สัปดาห์
- รับประทานยาฆ่าเชื้อที่มาจากแพทย์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากบางเคสจำเป็นต้องถอดซิลิโคนเพราะเกิดการติดเชื้อ ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จนกว่าอาการจะดีขึ้น
- ประคบเย็นด้วยผ้าเย็นหรือเจลแพ็คแบบเย็นอย่างเบามือบริเวณหน้าผากและข้างแก้มเป็นเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นจึงประคบร้อนเพื่อให้เลือดที่คลั่งบริเวณแผลได้คลายตัวและลดอาการช้ำ
- นอนหมอนสูงหมอน 2 ใบซ้อนกัน ใช้หมอนรองคอล็อกคอเอาไว้ไม่ให้นอนตะแคงและกดทับใบหน้า
- รับประทานอาหารบำรุงผิวและช่วยให้แผลหายไวอย่างวิตามินเอ ช่วยลดการติดเชื้อหลังผ่าตัดและลดอาการบวมอย่างข้าวโพด แครอท คะน้า ผักโขม ธาตุเหล็ก ช่วยลดอาการบวมช้ำ ปรับอุณหภูมิภายในร่างกาย และขจัดสารพิษในร่างกาย พบได้ในเครื่องในสัตว์ หอยนางรม ผักใบเขียว ส่วนโพแทสเซียมช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกายและกำจัดของเสียในร่างกาย พบได้ในผลิตภัณฑ์จากนมและผลไม้แห้ง
- งดอาหารที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือทำให้แผลหายช้าอย่างอาหารหมักดอง อาหารแปรรูป อาหารรสจัด
- งดพฤติกรรมเสี่ยงต่อน้ำมูกไหลมาโดนแผลและติดเชื้อ หากเป็นหวัดให้รับประทานยาลดน้ำมูกทันที
- งดล้วง แคะ แกะ เกา นวด หรือสัมผัสบริเวณแผลจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
- พบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง
- หากพบความผิดปกติหลังจากเสริมจมูกไปแล้ว 14 วัน ควรไปพบแพทย์ทันที