รอยต่อซิลิโคนระหว่างคิ้ว สามารถเกิดขึ้นได้ในเคสของคนไข้ที่ทำการผ่าตัดเสริมจมูกโดยใช้วัสดุในการเสริม ซึ่งปัญหารอยต่อซิลิโคนนี้ หากอธิบายให้คนไข้ที่กำลังอ่านเข้าใจง่ายๆ ก็คือ เป็นปัญหาซิลิโคนลอยนั่นเองครับ ซึ่งตัวซิลิโคนเกิดความไม่พอดีกับกระดูกจมูกของคนไข้ทำให้ลอยขึ้นมาและเกิดเป็นรอยต่อระหว่างคิ้วนั่นเอง ซึ่งการเกิดปัญหาเช่นนี้อันตรายหรือไม่ แล้วต้องแก้ไขอย่างไร ในบทความนี้เราจะมาคุยกันเรื่องรายละเอียดดังกล่าวครับ
รอยต่อซิลิโคนระหว่างคิ้ว คืออะไร เกิดจากอะไร ต้องกลับมาแก้จมูกหรือไม่?
ปัญหาจมูกเบี้ยวเอียง ซิลิโคนลอย ปลายบาง เป็นปัญหาที่หลายๆคนที่กำลังจะเสริมจมูกใหม่มีความกังวลกับเรื่องนี้มากที่สุด และเป็นปัญหาของคนที่เคยเสริมจมูกไปแล้วต้องกลับมาแก้จมูกมากที่สุด ซึ่งลักษณะอาการจะเป็นไปในเชิงที่ซิลิโคนสามารถโยกได้และขยับได้ระหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นปัญหาคลาสสิคที่เกิดขึ้นกันบ่อย ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นอันตรายไหม แล้วสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ ลองมาติดตามกันครับ
“รอยต่อซิลิโคน” จาก “ซิลิโคนจมูกลอย” คือ…
ปัญหา รอยต่อซิลิโคนระหว่างคิ้ว เกิดจากภาวะเดียวกับ ซิลิโคนจมูกลอยจนมีการขยับได้ เริ่มจากขยับซิลิโคนส่วนปลายจมูก แล้วมีการขยับบริเวณสันจมูกตามไปด้วยมากน้อยแล้วแต่เคส ในบางเคสอาจเห็นซิลิโคนเป็นสันลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จนอาจส่งผลต่อรูปทรงจมูกจนขาดความมั่นใจ เนื่องจากตัวซิลิโคนเองเป็นของนอกร่างกายที่มีลักษณะไม่ทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อจมูก เนื้อจมูกไม่มีการโตเข้าไปยึดกับผิวซิลิโคน ต่างจากการใช้กอร์เท็กซ์ (Gortex) เยื่อเทียม ไขมัน (Dermofat) หรือกระดูกอ่อนซี่โครงในการเสริมจมูก ที่เนื้อเยื่อจมูกสามารถโตเข้าไปยึดในชั้นผิวได้ ทำให้หลังเสริมแน่น ไม่ลอยขยับไปมานั่นเองครับ
ซิลิโคนจมูกลอย เกิดจาก..
ซิลิโคนลอย เกิดได้จาก 2 ปัจจัยคือ
1. ซิลิโคนลอย จากตัวคนไข้
เช่น ประสบอุบัติเหตุรุนแรง ทำให้ซิลิโคนเกิดจากเคลื่อนหรือลอยได้ นอกจากนี้ยังเกิดได้จากการบิดจมูกบ่อยๆ และรุนแรงก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ซิลิโคนลอยได้ เนื่องจากมีความเข้าใจผิดๆ ว่าการบิดจมูกเป็นเรื่องปกติ แต่แท้จริงแล้วจมูกของคนเราไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการบิดอย่างรุนแรง ดังนั้นในช่วง 1 ปีแรกหลังเสริมจมูกไปแล้ว ไม่แนะนำให้บิดจมูกหรือให้จมูกกระทบกระเทือนรุนแรง เพราะจะทำให้จมูกอักเสบและลอยได้ครับ
2. ซิลิโคนลอย ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัด
กรณีที่เกิดภาวะ “ซิลิโคนลอย” หลังการผ่าตัด เสริมจมูกอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ขนาดหรือรูปทรงของซิลิโคนที่ใช้ไม่สอดคล้องกับสรีระของแกนจมูกผู้รับการผ่าตัด รวมถึงการจัดวางซิลิโคนที่อาจไม่ครอบแกนจมูกหรือไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมภายใต้เยื่อหุ้มกระดูก อีกทั้งการสร้างช่องสำหรับวางซิลิโคนที่มีขนาดกว้างหรือแคบเกินไปก็อาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนตัวหรือไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการได้ ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวถือเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ในการผ่าตัด
รอยต่อซิลิโคน จากซิลิโคนจมูกลอย อันตรายหรือไม่?
หากซิลิโคนไม่มีลักษณะแหลมหรือทิ่มออกมาทางปลายจมูก มีเพียงอาการซิลิโคนลอยหรือเป็นเพียงรอยต่อเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องแก้ไขทันที แต่ส่วนใหญ่คนไข้จะมีความรู้สึกไม่มั่นใจ เนื่องจากมีอาการซิลิโคนเอียงร่วมด้วย ทำให้รูปทรงจมูกไม่สวยอย่างที่ต้องการ จึงต้องการแก้จมูกด้วยการถอดซิลิโคนเก่าออกและเสริมใหม่ครับ
แล้วหากไม่แก้ จะอันตรายหรือไม่?
โดยทั่วไปถ้ามีเพียงการเคลื่อนของซิลิโคนเท่านั้น แต่ซิลิโคนไม่มีลักษณะแหลม คมทิ่มผิวหนังบางบริเวณก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขครับเพราะโอกาสการทะลุน้อยมาก ส่วนใหญ่ที่คนไข้แก้ไขเพราะเป็นเรื่องความสวยงาม อาการเอียงชัดเจน หากขยับเพียงหัวตาเล็กน้อยเวลาจับโยกแรงๆ แบบนี้ไม่เป็นปัญหาครับ ให้นึกเสมอว่า จมูกของเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้บิดเล่นอย่างรุนแรงนะครับ เพราะนอกจากไม่มีประโยชน์อะไร ยังมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการอักเสบอีกต่างหาก จมูกคนปกติใช้หายใจ ไม่มีใครที่ไหนจับบิดเล่นทุกเวลาครับ โดยในช่วง 3 – 6 เดือนแรกหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรไปจับโยก เพราะตอนบวมจะเกิดช่องว่างเยอะ ไม่มีการสร้างพังผืด โอกาสที่ไม่มีพังผืดมายึดมีมากหากยังฝืนบิดเล่น
แนวทางการแก้ไข เมื่อมีรอยต่อระหว่างคิ้วจากซิลิโคนจมูกลอย
สำหรับการแก้ไขนั้นขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิด แตกต่างกันไปในแต่ละเคส แต่ในภาพรวมแล้ว หากเป็นเคสที่เกิดภาวะซิลิโคนลอยและได้รับการแก้ไขด้วยเทคนิคซิลิโคน มาแล้วหลายครั้ง ควรเปลี่ยนเทคนิคการผ่าตัดโดยใช้วัสดุอื่นหรือวัสดุเนื้อเยื่อของร่างกายตนเอง เพื่อให้เนื้อเยื่อจมูกสามารถยึดได้ เรามาดูการแก้ไขแต่ละสาเหตุกันนะครับ
1. สาเหตุจากซิลิโคนอยู่ผิดชั้น ไม่ว่างใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูก
การแก้ไขทำได้โดยผ่าตัดเปิดช่องว่างใต้เยื่อหุ้มกระดูก (Subperiosteal Plane) แล้วเสริมซิลิโคนในช่องว่างใหม่นี้ ก็จะช่วยให้ซิลิโคนแน่นขึ้นได้ แต่จะเหมาะสมในเคสที่เสริมมา1-2 ครั้ง และเยื่อหุ้มกระดูกยังไม่ถูกทำลายจากการผ่าตัดครั้งก่อน
2. สาเหตุจากเนื้อเยื่ออ่อนสันจมูกของคนไข้ค่อนข้างหลวม (Loose nasal skin soft tissue envelope)
สำหรับสาเหตุนี้การแก้ไขจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการใช้ซิลิโคน แต่เลือกเสริมด้วยวัสดุที่เนื้อเยื่อในจมูกสามารถยึดติดได้ เช่นวัสดุเนื้อเยื่อในร่างกายตนเอง (Autologous tissue) เช่น เนื้อเยื่อไขมัน หรือกระดูกอ่อนซี่โครง นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเสริมด้วยวัสดุสังเคราะห์บางชนิด (Artificial nasal implant) เช่น กอร์เท็ก (Gortex) เป็นต้น
3. สาเหตุจากฮัมพ์จมูกสูงตรงกลาง แต่บริเวณหัวคิ้วหักลงลึก( High hump and deep radix)
ในสาเหตุนี้สามารถแบ่งแนวทางการแก้ปัญหาได้ 2 วิธี คือ
- เคสที่ฮัมพ์ไม่สูงจนเกินไปและเนื้อเยื่ออ่อนสันจมูกมีความหนา ยื่นหยุ่นพอสมควร
โดยในเคสนี้ยังสามารถแก้ปัญหาโดยใช้การเหลาซิลิโคนเว้าหลบบริเวณฮัมพ์และเพิ่มความหนาของซิลิโคนบริเวณหัวตา ให้เหมาะสมกับความสูงของฮัมพ์ แต่ต้องใช้ประสบการณ์ในการเหลาซิลิโคนค่อนข้างมาก
- เคสที่ฮัมพ์สูงมาก สันจมูกบริเวณหัวคิ้วต่ำมาก ( High hump and deep radix)
เมื่อเทียบกับความสูงของฮัมพ์ เคสลักษณะนี้ความทำการตอกฮัพม์ออกบางงส่วน (Humpectomy) และเสริมสันจมูกบริเวณหัวตา (Radix augmentation) และยกปลายจมูกให้สูงขึ้น(Tip projection)ได้สัดส่วนกับความสูงของฮัมพ์ ซึ่งเรามักแก้ไขโดยผ่าตัดด้วยเทคนิคแก้โครงสร้างจมูก (Nose reconstruction)และเสริมตกแต่งด้วยเนื้อเยื่อตนเอง(Autologous tissue) หรือเสริมจมูกแบบไร้ซิลิโคน (No Silicone) เป็นต้นครับ
อย่างไรก็ดี เนื่องจากการศัลยกรรมจมูกเพื่อความงามถือว่าเป็นการผ่าตัดที่สามารถพบภาวะแทรกซ้อนได้เช่นเดียวกับการผ่าตัดทั่วๆ ไป ซึ่งจะพบได้ตั้งแต่ปัญหาเล็กๆ ไปจนถึงปัญหาร้ายแรง ถึงขั้นเสียโฉมเลยก็เป็นได้ ดังนั้น เพื่อคลายความกังวลใจให้คนไข้หลายๆ คนเอง ก็ควรพิจารณาหาข้อมูล ทำความเข้าใจ และศึกษาวิธีการดูแลตัวเองหลังทำศัลยกรรมก้จะช่วยลดความเสี่ยงได้ครับ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ทำจมูกที่ไหนดี? เลือกคลินิกแบบไหนให้จมูกปัง ดั้งพุ่ง อยากรู้ต้องอ่าน